ข่าวออนไลน์

แหล่งโบราณคดีเมืองทรอย

 
(แผนทีแสดงที่ตั้งของเมืองทรอยในปัจจุบัน)
ทรอย เป็นชื่อเมืองที่ปรากฏในมหากาพย์อีเลียดและโอดิส ซีซึ่งหนึ่งในมหากาพย์นั้นได้เล่าถึงสงครามกรุงทรอย ปัจจุบันตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองชานักกาเลประเทศตุรกี


(สภาพเมืองชานักกาเล)

ชานักกาเล เป็นเมืองที่ปัจจุบันเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของตุรกี มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เดิมมีชื่อว่า โบกาซี่ (Bogazi) หรือ ฮลเล สปอนต์ (Hellespont) มีความยาว 65 กิโลเมตร ส่วนที่แคบที่สุดกว้าง 1.3 กิโลเมตร เนื่องจากตั้งอยู่บนจุดแคบที่สุดของช่องแคบดาร์ดาแนลส์ ใกล้กับ แหลมเกลิโบ ลูของกรีซ บนฝั่งของ 2 ทะเลคือทะเลมาร์มารา และ ทะเลเอเจียน
(ภาพวาดจำลองเหตุการณ์สงครามกรุงทรอย)
สงครามกรุงทรอย เป็นสงครามระหว่างชาวอะคีอันส์ (ชาวกรีก) กับกรุงทรอย หลังปารีสแห่งทรอยชิงเฮเลนมาจากพระสวามี พระเจ้าเมเนเลอัสแห่งสปาร์ตา สงครามดังกล่าวเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่ สุดในเทพปกรณัมกรีก และมีการบอกเล่าผ่านงานวรณกรรมกรีกหลายชิ้น ที่โดดเด่นที่สุด คือ อีเลียดและโอดิสซีย์ของโฮเมอร์ อีเลียดเกี่ยวข้องกับการล้อมกรุงทรอยปี สุดท้าย ส่วนโอดิสซีย์อธิบายการเดินทางกลับบ้านของโอดิสเซียส ส่วนอื่นของสงครามมี การอธิบายในโคลงมหากาพย์เป็นวัฏจักร ซึ่งเหลือรอดมาเป็นส่วน ๆ ตอนจากสงครามเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับโศกนาฏกรรมกรีก ตลอดจนงานวรรณกรรมอื่นของกรีก และสำหรับกวีชาวโรมัน ซึ่งรวมเวอร์จิลและโอวิด
สงครามกำเนิดจากการวิวาทระหว่างเทพีอธีนา เฮราและแอโฟรไดที หลังอีริส เทพีแห่งการวิวาทและความบาดหมาง ให้ผลแอปเปิลสีทอง ซึ่งบางครั้งรู้จักกันในนาม "แอปเปิลแห่งความบาดหมาง" แก่ "ผู้ที่งามที่สุด" ซูสส่งเทพีทั้งสามไปหาปารีส ผู้ตัดสินว่าแอโฟรไดที "ผู้งามที่สุด" ควรได้รับแอปเปิลไป เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน แอโฟรไดทีเสกให้เฮเลน หญิงงามที่สุดในโลกและมเหสีของพระเจ้าเมเนเลอัส ตกหลุมรักปารีส และปารีสได้นำพระนางไปยังกรุงทรอย อกาเมมนอน พระเจ้ากรุงไมซีนี และพระเชษฐาของพระเจ้าเมเนเลอัส พระสวามีของเฮเลน นำกองทัพชาวอะคีอันส์ไปยังกรุงทรอยและล้อมกรุงไว้สิบปี หลังสิ้นวีรบุรุษไปมากมาย รวมทั้งอคิลลีสและเอแจ็กซ์ของฝ่ายอะคีอันส์ และเฮกเตอร์และปารีสของฝ่ายทรอย กรุงทรอยก็เสียด้วยอุบายม้าโทรจัน ฝ่ายอะคีอันส์สังหารชาวกรุงทรอย (ยกเว้นหญิงและเด็กบางส่วนที่ไว้ชีวิตหรือขายเป็นทาส) และทำลายวิหาร ทำให้เทพเจ้าพิโรธ ชาวอะคีอะนส์ส่วนน้อยที่กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยและหลายคนตั้งนิคมในชายฝั่ง อันห่างไกล ภายหลังชาวโรมันสืบเชื้อสายของพวกตนไปถึงเอเนียส หนึ่งในชาวกรุงทรอย ผู้กล่าวกันว่านำชาวกรุงทรอยที่เหลือรอดไปยังประเทศอิตาลีในปัจจุบัน
การขุดค้นซากเมืองทรอยเริ่มโดย นายไฮน์ริช ชลีมานน์ (Heinrich Schliemann) นักโบราณคดีชาวเยอรมัน เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1870-1890 มีการพบว่าทรอยแบ่งเป็น 9 ยุค ซึ่งรับรองโดย เริ่มตั้งแต่ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล จนถึง ปี ค.ศ. 400 ผลจากข้อสันนิษฐานสามารถสรุปได้ว่า กรุงทรอยนั้นเป็นเมืองโบราณติดชายฝั่งทะเลอิเจียนตอนบน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศตุรกีซึ่งเป็นที่ตั้งของจุดยุทธศาสตร์สำคัญ อันประกอบด้วย ช่องแคบดาร์ดาแนลล์ (Dardanelles) และคาบสมุทรกัลลิโปลี (Gallipoli)
(ภาพแสดงการซ้อนทับของผังเมืองทรอย)
ลำดับยุคสมัยในแต่ละชั้นของกรุงทรอยเริ่มจากชั้นบนสุดที่มีอายุน้อยกว่าชั้นล่าง
Troy I 3000–2600 BC (Western Anatolian EB 1)
Troy II 2600–2250 BC (Western Anatolian EB 2)
Troy III 2250–2100 BC (Western Anatolian EB 3 [early])
Troy IV 2100–1950 BC (Western Anatolian EB 3 [middle])
Troy V: 20th–18th centuries BC (Western Anatolian EB 3 [late])
Troy VI: 17th–15th centuries BC
Troy VI h: late Bronze Age, 14th century BC
Troy VII a: c. 1300–1190 BC, most likely setting for Homer's story (เป็นยุคใกล้เคียงกับสงครามกรุงทรอยในมหากาพย์ของโฮเมอร์)
Troy VII b1: 12th century BC
Troy VII b2: 11th century BC
Troy VII b3: until c. 950 BC
Troy VIII: c. 700–85 BC
Troy IX: 85 BC–c. AD 500


(ตัวอย่างโบราณวัตถุที่ถูกค้นพบ)
ปัจจุบันแหล่งโบราณคดีเมืองทรอยได้รับการรับรองและขึ้นทะเบียนเป้นมรด กโลก บริเวณกรุงทรอย มีการจัดห้องแสดงแบบจำลองกรุงทรอย และเรื่องราวการค้นพบโดยนักโบราณคดี พร้อมทั้งภาพแผนผังเมืองทรอยที่ถูกสร้างซ้อนทับกันถึง 9 ชั้น มีซากเมืองเก่า กำแพง ประตู และม้าไม้จำลองแห่งทรอย ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันชาญฉลาดด้านกลศึกของนักรบโบราณ
 ข้อมูล เรียบเรียงจาก
http://en.wikipedia.org/wiki/Troy#Archaeological_Troy