วันนี้ ทีมงาน toptenthailand ได้รวบรวมสุดยอดรถยนต์ที่คุ้มค่าที่สุดแห่งปีมาฝาก กับ 10 อันดับ รถยนต์คุ้มค่าที่สุดแห่งปี 2013 ที่เรียกว่าคุ้มแก่การซื้อหามาใช้งาน ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้แล้ว การซื้อรถยนต์ซักคันหนึ่งต้องไตร่ตรองอย่างรอบคอบ เพราะรถยนต์หนึ่งคัน ย่อมตามมาด้วยค่าใช้จ่ายอีกสารพัด ไปดูกันดีกว่าว่ารุ่นต่อไปนี้มีอะไรบ้าง
ที่มา : toptenthailand
10.รถ Luxury คุ้มค่าที่สุด
BMW 320d
แว้บแรกหลายคนอาจสงสัยว่าระดับ BMW เนี่ยนะจะคุ้มค่า แต่สมรรถนะและความประหยัดของ 320d ทำหลายคนอึ้งมาแล้ว เพราะสามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชม. ไม่ถึง 8 วินาที แต่ประหยัดระดับซิตี้คาร์จากญี่ปุ่น บวกกับน้ำมันดีเซลที่ราคาถูกกว่า คิดดูสิว่าจะมีรถสักกี่คันที่ทำได้แบบนี้ ช่วงล่างอาจดูนิ่มไปหน่อย แต่บอกได้เลยว่าความเร็ว 200 กม./ชม.ก็เอาอยู่! นอกจากนั้น 320d มาพร้อมความหรูหราเต็มพิกัดสไตล์เยอรมัน มีระบบ i-Drive ที่สามารถปรับแต่งรถได้เกือบทั้งคัน ทั้งหมดนี้ในราคาไม่ถึง 3 ล้าน!
แว้บแรกหลายคนอาจสงสัยว่าระดับ BMW เนี่ยนะจะคุ้มค่า แต่สมรรถนะและความประหยัดของ 320d ทำหลายคนอึ้งมาแล้ว เพราะสามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชม. ไม่ถึง 8 วินาที แต่ประหยัดระดับซิตี้คาร์จากญี่ปุ่น บวกกับน้ำมันดีเซลที่ราคาถูกกว่า คิดดูสิว่าจะมีรถสักกี่คันที่ทำได้แบบนี้ ช่วงล่างอาจดูนิ่มไปหน่อย แต่บอกได้เลยว่าความเร็ว 200 กม./ชม.ก็เอาอยู่! นอกจากนั้น 320d มาพร้อมความหรูหราเต็มพิกัดสไตล์เยอรมัน มีระบบ i-Drive ที่สามารถปรับแต่งรถได้เกือบทั้งคัน ทั้งหมดนี้ในราคาไม่ถึง 3 ล้าน!
9.รถกระบะคุ้มค่าที่สุด
Isuzu D-Max
ถ้านับถึงความคุ้มค่า คงต้องยกให้เจ้าตลาดรถกระบะอย่างอีซูซุ ไม่ว่าจะไปจังหวัดใดก็ต้องเห็นยี่ห้อนี้อยู่เสมอๆ เพราะขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน ศูนย์บริการที่ครอบคลุม แถมราคาขายต่อไม่ตกจนน่าใจหาย มีรุ่นย่อยมากมายให้เลือกตามการใช้งาน ส่วนออพชั่นอาจไม่เทพเท่าคู่แข่ง แต่นับว่าเพียงพอต่อการใช้งานจริง และตัดปัญหาเรื่องความจุกจิกในอนาคตไปได้
ถ้านับถึงความคุ้มค่า คงต้องยกให้เจ้าตลาดรถกระบะอย่างอีซูซุ ไม่ว่าจะไปจังหวัดใดก็ต้องเห็นยี่ห้อนี้อยู่เสมอๆ เพราะขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน ศูนย์บริการที่ครอบคลุม แถมราคาขายต่อไม่ตกจนน่าใจหาย มีรุ่นย่อยมากมายให้เลือกตามการใช้งาน ส่วนออพชั่นอาจไม่เทพเท่าคู่แข่ง แต่นับว่าเพียงพอต่อการใช้งานจริง และตัดปัญหาเรื่องความจุกจิกในอนาคตไปได้
8. รถ MPV คุ้มค่าที่สุด
Suzuki Ertiga
หากพูดถึงความคุ้มค่าในกลุ่ม MPV แล้ว คงต้องยกให้ Suzuki Ertiga ที่แม้ว่ารูปลักษณ์อาจไม่สวยเตะตา แต่สมรรถนะเทียบคู่แข่งเครื่องยนต์ 1.5 ได้สบาย พร้อมอัตราประหยัดเป็นเยี่ยม ภายในถอดแบบมาจาก Swift ที่หลายคนชมเชย เบาะนั่งแบบ 3 แถวพร้อมแอร์แถวสอง ที่กระจายความเย็นทั่วถึง เหมาะกับการเดินทางทั้งครอบครัว ด้วยราคาไม่ถึง 7 แสนเท่านั้น
หากพูดถึงความคุ้มค่าในกลุ่ม MPV แล้ว คงต้องยกให้ Suzuki Ertiga ที่แม้ว่ารูปลักษณ์อาจไม่สวยเตะตา แต่สมรรถนะเทียบคู่แข่งเครื่องยนต์ 1.5 ได้สบาย พร้อมอัตราประหยัดเป็นเยี่ยม ภายในถอดแบบมาจาก Swift ที่หลายคนชมเชย เบาะนั่งแบบ 3 แถวพร้อมแอร์แถวสอง ที่กระจายความเย็นทั่วถึง เหมาะกับการเดินทางทั้งครอบครัว ด้วยราคาไม่ถึง 7 แสนเท่านั้น
7. รถไฮบริดคุ้มค่าที่สุด
Toyota Prius
ยิ่งนับวันคู่แข่งรถยนต์ประเภทไฮบริดยิ่งเพิ่มขึ้น แต่ Toyota Prius ยังคงครองตำแหน่งรถยนต์ไฮบริดที่คุ้มค่าที่สุดไปอยู่ดี เนื่องจากเป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อการขับขี่แบบประหยัดทุกกระเบียดนิ้ว มอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ทำงานประสานกันอย่างลงตัว ผลลัพท์คือ อัตราสิ้นเปลืองทางไกลระดับ 20 กิโลเมตร/ลิตรขึ้นไปแบบสบายๆ แถมรุ่นท็อปยังมีอ็อพชั่นเจ๋งๆอย่างหลังคาโซล่าเซลล์สำหรับระบายอากาศอัน แสนอบอ้าวในเมืองไทย
ยิ่งนับวันคู่แข่งรถยนต์ประเภทไฮบริดยิ่งเพิ่มขึ้น แต่ Toyota Prius ยังคงครองตำแหน่งรถยนต์ไฮบริดที่คุ้มค่าที่สุดไปอยู่ดี เนื่องจากเป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อการขับขี่แบบประหยัดทุกกระเบียดนิ้ว มอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ทำงานประสานกันอย่างลงตัว ผลลัพท์คือ อัตราสิ้นเปลืองทางไกลระดับ 20 กิโลเมตร/ลิตรขึ้นไปแบบสบายๆ แถมรุ่นท็อปยังมีอ็อพชั่นเจ๋งๆอย่างหลังคาโซล่าเซลล์สำหรับระบายอากาศอัน แสนอบอ้าวในเมืองไทย
6. รถอเนกประสงค์คุ้มค่าที่สุด
Mazda CX-5
Mazda CX-5 เป็นรถที่น่าจับตามองที่สุดในระดับเดียวกัน เพราะมาพร้อมเทคโนโลยี SKYACTIV อันเลื่องชื่อจากมาสด้า มีจุดเด่นอยู่ที่ความแรง และขับสนุก ทั้งยังประหยัดน้ำมัน มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล ใส่อ็อพชั่นโดนๆ ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น อย่างไฟหน้าและที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, แอร์แบบ Dual-zone, ปุ่ม Push Start, ระบบ Cruise Control สามารถเชื่อมต่อ Bluetooth ได้
Mazda CX-5 เป็นรถที่น่าจับตามองที่สุดในระดับเดียวกัน เพราะมาพร้อมเทคโนโลยี SKYACTIV อันเลื่องชื่อจากมาสด้า มีจุดเด่นอยู่ที่ความแรง และขับสนุก ทั้งยังประหยัดน้ำมัน มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล ใส่อ็อพชั่นโดนๆ ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น อย่างไฟหน้าและที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, แอร์แบบ Dual-zone, ปุ่ม Push Start, ระบบ Cruise Control สามารถเชื่อมต่อ Bluetooth ได้
5. รถสปอร์ตคุ้มค่าที่สุด
Subaru BRZ
นี่อาจไม่ใช่รถสปอร์ตที่แรงที่สุด แต่นี่คือรถสปอร์ตคูเป้ที่ขับสนุกที่สุด เมื่อเทียบกับค่าตัวระดับนี้ Subaru BRZ ใช้เครื่องยนต์แบบสูบนอน (BOXER) ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ซึ่งอาจดูไม่แรงจัดจ้าน แต่ถือว่าพอฟัดพอเหวี่ยงสำหรับถนนเมืองไทย ชูจุดเด่นด้วยจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ บวกกับความสมดุลจากเครื่องยนต์แบบ Boxer ทำให้ BRZ กลายเป็นรถที่เข้าโค้งได้อย่างสนุก
นี่อาจไม่ใช่รถสปอร์ตที่แรงที่สุด แต่นี่คือรถสปอร์ตคูเป้ที่ขับสนุกที่สุด เมื่อเทียบกับค่าตัวระดับนี้ Subaru BRZ ใช้เครื่องยนต์แบบสูบนอน (BOXER) ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ซึ่งอาจดูไม่แรงจัดจ้าน แต่ถือว่าพอฟัดพอเหวี่ยงสำหรับถนนเมืองไทย ชูจุดเด่นด้วยจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ บวกกับความสมดุลจากเครื่องยนต์แบบ Boxer ทำให้ BRZ กลายเป็นรถที่เข้าโค้งได้อย่างสนุก
4.รถขนาดใหญ่คุ้มค่าที่สุด
Nissan Teana
แม้ว่าโมเดลเชนจ์ของเทียน่าจะมาหลังคู่แข่ง แต่นิสสันก็พยายามทำให้เทียน่ามีความโดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่ง ด้วยการใส่อ็อพชั่นที่พบในรถยุโรปใหม่ๆ เช่น กล้องมองภาพรอบทิศทาง ระบบช่วยขับขี่ล้ำๆอย่าง เตือนจุดอับสายตา หรือเตือนเปลี่ยนเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งยังใช้เครื่องเสียงคุณภาพจาก BOSE อีกด้วย งานนี้ทำคู่แข่งเอาร้อนๆหนาวๆเลยทีเดียว อีกทั้งเปลี่ยนจากเครื่องยนต์ 6 สูบ มาเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ ทำให้ได้ความประหยัดเพิ่มขึ้นอีกด้วย
แม้ว่าโมเดลเชนจ์ของเทียน่าจะมาหลังคู่แข่ง แต่นิสสันก็พยายามทำให้เทียน่ามีความโดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่ง ด้วยการใส่อ็อพชั่นที่พบในรถยุโรปใหม่ๆ เช่น กล้องมองภาพรอบทิศทาง ระบบช่วยขับขี่ล้ำๆอย่าง เตือนจุดอับสายตา หรือเตือนเปลี่ยนเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งยังใช้เครื่องเสียงคุณภาพจาก BOSE อีกด้วย งานนี้ทำคู่แข่งเอาร้อนๆหนาวๆเลยทีเดียว อีกทั้งเปลี่ยนจากเครื่องยนต์ 6 สูบ มาเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ ทำให้ได้ความประหยัดเพิ่มขึ้นอีกด้วย
3. รถคอมแพ็คคุ้มค่าที่สุด
Honda Civic
หัวข้อนี้เลือกยากมาก เพราะคู่แข่งล้วนแต่มีดีต่างกันไป แต่สุดท้ายตกเป็น Honda Civic ที่ออกแบบได้ทันสมัย มีเครื่องยนต์ขนาด 1.8 และ 2.0 ลิตรให้เลือก สมรรถนะแรงระดับต้นๆในตลาด แต่มีจุดเด่นตรงที่สามารถเติมเชื้อเพลิง E85 ได้ ทำให้ค่าเชื้อเพลิงระยะยาวถูกกว่า โดยไม่ต้องไปติดแก๊สเพิ่ม (หรือถ้าอยากจะประหยัดขนาดนั้น ก็จัดไป!)
หัวข้อนี้เลือกยากมาก เพราะคู่แข่งล้วนแต่มีดีต่างกันไป แต่สุดท้ายตกเป็น Honda Civic ที่ออกแบบได้ทันสมัย มีเครื่องยนต์ขนาด 1.8 และ 2.0 ลิตรให้เลือก สมรรถนะแรงระดับต้นๆในตลาด แต่มีจุดเด่นตรงที่สามารถเติมเชื้อเพลิง E85 ได้ ทำให้ค่าเชื้อเพลิงระยะยาวถูกกว่า โดยไม่ต้องไปติดแก๊สเพิ่ม (หรือถ้าอยากจะประหยัดขนาดนั้น ก็จัดไป!)
2. รถซิตี้คาร์คุ้มค่าที่สุด
Honda City CNG
แม้ว่า Honda City ถือว่าเป็นปลายรุ่นของสายการผลิตของโมเดลนี้ก็ตามที แต่เมื่อมองถึงความคุ้มค่าในรถระดับ B-Segment แล้ว ฮอนด้า ซิตี้ ซีเอ็นจี ถือเป็นรถที่มีความคุ้มค่ามากทีเดียว เนื่องจากได้เปรียบเรื่องความกว้างขวาง นั่งสบาย อุปกรณ์อำนวยความสะดวกแบบครบๆ แถมยังสามารถใช้พลังงานทางเลือกอย่าง CNG ได้ ทำให้ซิตี้ ซีเอ็นจี เป็นรถที่คุ้มค่าต่อการใช้งานประจำวันมากเลยทีเดียว
แม้ว่า Honda City ถือว่าเป็นปลายรุ่นของสายการผลิตของโมเดลนี้ก็ตามที แต่เมื่อมองถึงความคุ้มค่าในรถระดับ B-Segment แล้ว ฮอนด้า ซิตี้ ซีเอ็นจี ถือเป็นรถที่มีความคุ้มค่ามากทีเดียว เนื่องจากได้เปรียบเรื่องความกว้างขวาง นั่งสบาย อุปกรณ์อำนวยความสะดวกแบบครบๆ แถมยังสามารถใช้พลังงานทางเลือกอย่าง CNG ได้ ทำให้ซิตี้ ซีเอ็นจี เป็นรถที่คุ้มค่าต่อการใช้งานประจำวันมากเลยทีเดียว
1.อีโคคาร์คุ้มค่าที่สุด
Mitsubishi Attrage
‘แอททราจ’ เป็นเวอร์ชั่น 4 ประตู ของ ’มิราจ’ อีโคคาร์คุ้มค่าที่สุดของเราเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเมื่อกลายมาเป็นเวอร์ชั่นซีดาน ทำให้มีมิติตัวถังยาวขึ้น บรรทุกสัมภาระได้เยอะกว่า แต่ยังคงความประหยัดระดับ 22 กิโลเมตร/ลิตรไว้ได้ จากเครื่องยนต์แบบ 3 สูบ 1.2 ลิตร ให้กำลัง 78 แรงม้า พ่วงเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT
ภายในยังถูกอัดแน่นด้วยอ็อพชั่นเพียบเกินคู่แข่ง อย่างระบบนำทางผ่านจอทัชสกรีน 6.5 นิ้ว สามารถดู DVD ต่อ USB และ AUX ได้ แถมยังเชื่อมต่อโทรศัพท์ได้อีกด้วย กุญแจ KOS พร้อมปุ่มสตาร์ท ระบบแอร์อัตโนมัติ และอีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้สนนราคาไม่ถึง 6 แสนบาทเท่านั้น
‘แอททราจ’ เป็นเวอร์ชั่น 4 ประตู ของ ’มิราจ’ อีโคคาร์คุ้มค่าที่สุดของเราเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเมื่อกลายมาเป็นเวอร์ชั่นซีดาน ทำให้มีมิติตัวถังยาวขึ้น บรรทุกสัมภาระได้เยอะกว่า แต่ยังคงความประหยัดระดับ 22 กิโลเมตร/ลิตรไว้ได้ จากเครื่องยนต์แบบ 3 สูบ 1.2 ลิตร ให้กำลัง 78 แรงม้า พ่วงเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT
ภายในยังถูกอัดแน่นด้วยอ็อพชั่นเพียบเกินคู่แข่ง อย่างระบบนำทางผ่านจอทัชสกรีน 6.5 นิ้ว สามารถดู DVD ต่อ USB และ AUX ได้ แถมยังเชื่อมต่อโทรศัพท์ได้อีกด้วย กุญแจ KOS พร้อมปุ่มสตาร์ท ระบบแอร์อัตโนมัติ และอีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้สนนราคาไม่ถึง 6 แสนบาทเท่านั้น